วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

เดินหน้า ผ่าความจริง



http://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151205905826438&set=a.291582506437.191003.62941251437&type=1&theater

มีความสุขดีครับ




รูปนี้ช่างภาพของสื่อต่างประเทศมาถ่ายผมตอนมาสัมภาษณ์ที่บ้านแล้วเขาส่งมาให้ ผมเลยขออนุญาตส่งภาพในบ้านที่ดูไบมาให้ดูครับ(ทักษิณกล่าว)

ที่มา:http://www.facebook.com/thaksinlives

งามแต้ๆเจ้า ^^



ในการลงพื้นที่ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อตรวจดูแหล่งเก็บน้ำกว๊านพะเยาที่ จ.พะเยา ตามโครงการพระราชดำริ บริเวณสะพานขุนเดช ต.บ้านต๋อม อ.เมืองพะเยา โดยภายหลังทำพิธีเปิดหอฉัน ที่วัดเชียงบาน อ.เชียงคำ เสร็จแล้วนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แต่งชุดพื้นเมืองและผ้าซิ่นสีชมพู หรือแต่งกายแบบล้านนา ก่อนจะสักการะพ่อขุนงำเมือง และพบปะประชาชนจ.พะเยา ที่มาให้การต้อนรับ

ที่มา:http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1338714416&grpid=&catid=01&subcatid=0100

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

เปิดตัว "iPhone5" จอเรตินา 4 นิ้ว พร้อม iOS6 อัพเดทใหม่อีกเพียบ ไทยรอปลายปี


"แอปเปิล" เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ "iPhone5" เป็นไปตามกระแสข่าวลือ ตัวเครื่องทำจากกระจกและอะลูมิเนียม หน้าจอเรตินาใหญ่ขึ้น ขนาด 4 นิ้ว พร้อม พร้อมระบบปฏิบัติการ iOS6 และอัพเดทครั้งใหญ่อีกเพียบ จำหน่ายจริง 21 ก.ย.นี้ ส่วนไทยรอปลายปี...เมื่อเวลา 24.00 น. ตามเวลาประเทศไทย บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ "แอปเปิล" สัญชาติอเมริกัน จัดงานอีเวนต์ขึ้นตามนัด ที่ศูนย์ศิลปะเยอร์บา บูเอนา ในนครซานฟรานซิสโก เริ่มต้นด้วย "ทิม คุก" ซีอีโอใหญ่ขึ้นเวทีด้วยเสื้อเชิร์ตสีเข้มและกางเกงยีนส์ กล่าวถึงผลประกอบการของบริษัทและผลกำไรมหาศาล พร้อมทั้งระบุว่า ปัจจุบันแอปเปิลมีร้านค้ามาถึง 380 สาขา ใน 12 ประเทศทั่วโลก และจะเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีกที่สวีเดนในวันศุกร์นี้ (14 ก.ย.)

ส่วน The New iPad อุปกรณ์ไอทีชิ้นแรก ที่เปิดตัวภายใต้การบริหารของ ทิม คุก จำหน่ายได้มากถึง 17 ล้านเครื่อง ระหว่าง เม.ย.-มิ.ย. และหากรวม iPad รุ่นอื่นๆ ด้วย จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด 84 ล้านเครื่อง เมื่อ มิ.ย.ที่ผ่านมา ครองส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต 62 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ยี่ห้ออื่นๆ แบ่งกันไปเพียง 32 เปอร์เซ็นต์ และปัจจุบันมีแอพพลิเคชั่นสำหรับ iPad มาถึง 250,000 แอพฯ และหากรวมอุปกรณ์ iOS ทุกชนิด จำหน่ายได้มากถึง 400 ล้านชิ้น เมื่อ มิ.ย.ที่ผ่านมาเช่นกัน

เวลาแห่งการรอคอยมาถึง เมื่อ "ฟิล ชิลเลอร์" รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดของแอปเปิล ขึ้นเวทีเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ "iPhone5" อย่างเป็นทางการ ซึ่งเหมือนกับข่าวหลุดที่ออกมาก่อนหน้าที่ โดยตัวเครื่องทำจากกระจกและอะลูมิเนียม ปุ่มโฮมยังอยู่ที่เดิม หนา 7.6 มิลลิเมตร หรือบางลงจากเดิม 18 เปอร์เซ็นต์ หนัก 112 กรัม เบาลง 20 เปอร์เซ็นต์ หน้าจอเรตินาขนาด 4 นิ้ว ขนาด 1136 x 640 เรโช 16:9 สีหน้าจอสดกว่าเดิม 40 เปอร์เซ็นต์ 

ใช้ชิพโพรเซสเซอร์แบบ A6 ที่มีขนาดเล็กกว่ารุ่นเก่าอย่าง A5 แต่ประสิทธิภาพดีขึ้นถึง 22 เปอร์เซ็นต์ เปิดแอพฯ เร็วกว่าเดิม 2.1 เท่ารวมแล้วดีกว่าเดิม 2 เท่า แบตเตอรี่ที่เปิดเครื่องสแตนบายได้ 225 ชม.โทร.คุยบนเครือข่าย 3จี และ LTE ได้นาน 8 ชม. พร้อมระบบปฏิบัติการ iOS6 มีแอพพลิเคชั่นใหม่คือ MAPs แทนของเดิมที่เป็นกูเกิล พร้อมระบบนำทาง แถมยังแสดงเป็น 3มิติ รวมแล้วมีฟีเจอร์ฟังก์ชั่นใหม่กว่า 200 ฟีเจอร์ กล้อง iSight ด้านหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ความละเอียด 3264x2448 พร้อมฟังก์ชั่น w/backside illumination, hybrid IR filter, มีชิ้นเลนส์ภายในกล้องรวม 5 ชิ้น ความกว้างรูรับแสง  f2.4 ขนาดเล็กลง 25% มีแฟลชแอลอีดี ส่วนกล้องหน้าถ่ายภาพได้ชัดขึ้น สามารถถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 720P เมื่อใช้เฟซไทม์ 

สามารถถ่ายวิดีโอความคมชัดสูงระดับ 1080P พร้อมระบบกันภาพสั่นไหว สามารถโฟกัสใบหน้าได้พร้อมกันมากถึง 10 คน ความพิเศษยังอยู่ที่การถ่ายภาพและถ่ายวิดีโอได้ในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ยังถ่ายรูปเร็วขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ มีฟีเจอร์ใหม่เรียกว่า พาโนรามา ที่นำภาพมารวมกันให้ความคมชัดสูงสุด 28 เมกะพิกเซล เชื่อมต่อเร็วขึ้นด้วยพอร์ต ธันเดอร์โบลท์และไลท์นิ่ง อายุแบตเตอรี่ยาวนานยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถอัพเดทข้อความบนเฟซบุ๊ก ผ่านผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Siri ได้ด้วย

มีให้เลือก 2 สีเช่นเดิม คือขาวและดำ โดยเครื่องสีดำส่วนอะลูมิเนียมด้านหลังเป็นสี "สแลท" (สีหินชนวน) และสี "ซิลเวอร์" (เงิน) สำหรับเครื่องสีขาว เปิดให้พรีออร์เดอร์วันที่ 14 ก.ย. นี้ ก่อนวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ วันที่ 21 ก.ย. นี้ ในสหรัฐฯ แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ และ 28 ก.ย. ในอีกหลายประเทศ ก่อนจำหน่ายเพิ่ม 100 ประเทศทั่วโลกในช่วงสิ้นปีนี้ สำหรับราคาเท่ากับ iPhone 4 เริ่มต้นที่ 199 ดอลลาร์ สำหรับ 16 GB และ 299 ดอลลาร์ สำหรับ 32 GB และ 399 ดอลลาร์ สำหรับ 64 GB (ราคาดังกล่าวต้องผู้ติดสัญญากับผู้ให้บริการในสหรัฐอเมริกา 2 ปี)

ขณะเดียวกันแอปเปิลยังอัพเดทผลิตภัณฑ์ในกลุ่มไอพอด (iPod) ทั้งไอพอดชัฟเฟิล นิว ไอพอดนาโนที่ดีไซน์มาใหม่พร้อมกับวิทยุ FM ในตัว รองรับ iOS6 รองรับพอร์ตไลท์นิ่ง และ การเชื่อมต่อบลูทูธ มี 7 สีให้เลือก และไอพอดทัช ที่มีขนาดจอเรตินา ดิสเพลย์ขนาด 4 นิ้วเทียบเท่าไอโฟน 5 แต่ใช้ชิพ A5 และมีระบบปฏิบัติการ iOS6 รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ ไวไฟ ถ่ายภาพวิดีโอ 720P กล้อง 5 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพพาโนรามาได้ มี 5 สีให้เลือก รวมทั้งยังเปิดตัวหูฟังรุ่นใหม่ (EarPods) ที่แอปเปิลระบุว่าใช้เวลาในการออกแบบและพัฒนายาวนานถึง 3 ปี เพื่อสร้างหูฟังที่รองรับกับขนาดหูของคนทุกคนได้    

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ คาดว่า แอปเปิล จะสามารถจำหน่ายสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ได้มากถึง 10 ล้านเครื่อง ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่ 3 สัปดาห์แรกที่วางขายอย่างเป็นทางการ และจะรวดเร็วกว่ายอดจำหน่าย "กาแล็คซี่ เอส 3" แห่งค่าย "ซัมซุง" สัญชาติเกาหลีใต้ ที่ทำยอดได้ 10 ล้านเครื่อง ในเวลา 50 วัน ทั้งนี้ iPhone 4s รุ่นก่อนหน้า สามารถขายได้ 4 ล้านเครื่อง ภายในสัปดาห์แรก และในไตรมาส 1 หรือสิ้นเดือนธ.ค. ปีที่แล้ว ขายได้มากถึง 37 ล้านเครื่อง

ที่มา:http://www.kroobannok.com/52916

กันยายนหฤโหด!! หมอช้างเตือน 'อักษรต่อไปนี้' มีดวงร้ายสุด


เสาร์มรณะเดือนกันยายนเตือนภัยเกี่ยวกับ ดิน น้ำ ลม ไฟ ส่วนราศีสุดร้ายคือ...?


หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา เตอนว่า "หลายคนจะกลัวราหูมากกว่าเพราะชื่อหรือรูปร่าง แต่ความเป็นจริงนักโหราศาสตร์จะกังวลเรื่องดาวเสาร์มากกว่า ปกติดาวเสาร์จะยก 2 ปีครึ่งหนึ่งครั้ง แต่ละครั้งนี้น่าสนตรงที่ตำแหน่งที่ดาวเสาร์ยกย้ายไปเป็นตำแหน่งรุนแรงมากในรอบ 30 ปี และราศีที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดได้แก่ 'ราศีตุลย์' โดยเฉพาะรอบปี พ.ศ.2496 พ.ศ. 2497 พ.ศ.2498 พ.ศ. 2525 พ.ศ. 2526 พ.ศ.2527 ตำราโหรระบุชัดว่า ทายโทษทุกข์ให้ทายดาวเสาร์ จากนี้จะมีแต่ความผิดหวังเสียใจทุกด้าน เพราะหลังวันที่ 7 กันยายนนี้ของจริงกำลังจะมา นอกจากราศีตุลย์แล้ว ราศีเมษก็น่าเป็นห่วงเคราะห์ร้ายมาเยือนเข้าขั้นโคม่าเช่นกัน”
และตามตำราพระศุกร์กับพระเสาร์มักจะเป็นดวงดาวไม่ถูกกัน ดังนั้นหมวดอักษรของดาวศุกร์ที่มี ศ ษ ส ห ฬ ฮ นำหน้าต้องระวังตัว

คุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา 'ชูวิทย์ กมลวิสิทธิ์'




ศาลสั่งจำคุก 5 ปี "ชูวิทย์" กับพวก ไม่รอลงอาญา รื้อบาร์เบียร์ย่านสุขุมวิท ปี 2546
ศาลอาญากรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีรื้อบาร์เบียร์ สุขุมวิท 10 ที่พนักงานอัยการ ฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการทหารสูงสุด พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร กับพวกรวม 131 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ บุกรุกในเวลากลางคืนและกักขังหน่วงเหนี่ยวข่มขืนใจให้บุคคลอื่นปราศจากเสรีภาพ
ทั้งนี้ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับจำคุก นายชูวิทย์ 5 ปี โดยไม่รอลงอาญาซึ่งภายหลังฟังคำพิพากษา ศาลได้ปล่อยตัวนายชูวิทย์ ไปในทันที เนื่องจากนายชูวิทย์ เป็น ส.ส.และมีเอกสิทธิ์คุ้มครอง

เตือนภัยร้าย!! ผู้ใช้สมาร์ทโฟน


ภัยเงียบจากสมาร์ทโฟน ผู้ใช้อาจเสียเงินแบบไม่รู้ตัว จากแอพพลิเคชั่นเถื่อน
ไซแมนเท็ก บริษัทด้านความปลอดภัยทางอินเตอร์เน็ต ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้งานสมาร์ตโฟนและเครือข่ายสังคมออนไลน์ว่าในปีที่ผ่านมามีมูลค่าความสูญเสียรวม 110,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท จากการโจมตีของอาชญากรในโลกไซเบอร์ และมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเหล่าอาชญากรในโลกไซเบอร์เล็งเห็นว่าระบบปฏิบัติการมือถือและเครือข่ายสังคมออนไลน์มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและผู้ใช้ก็มีความคิดว่าว่าการเข้าใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์มีความเสี่ยงต่ำทำให้เกิดความชะล่าใจ
ทำให้ในการใช้งานผู้ใช้จำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นในการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นต่างๆ หรือจะคลิกลิงค์ไหนก็ควรสังเกตุให้ดี เพราะอาจจะมีการปล่อยมัลแวร์ในรูปแบบลิ้งต่างๆ อาทิ แจ้งว่าเป็นผู้โชคดีได้ทองคำ หรือได้รับรางวัลต่างๆแล้วให้คลิกต่อ อาจจะทำให้ผู้ใช้เสียเงินแบบไม่รู้ตัวได้

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

ความจำแย่แก้ได้ 4 วิธี


วัยที่เพิ่มขึ้นบางครั้งอาจทำให้เริ่มหลงลืม ปัญหานี้บรรเทาได้ด้วยเทคนิค 4 ข้อ แนะวัยทำงานปฏิบัติดี วัยเรียนปฏิบัติเลิศ
วิธีแรก โฟกัสสายตา โดยนั่งจ้องวัตถุ หรือ เหตุการณ์ตรงหน้า จดจำรายละเอียดให้มากที่สุด นานประมาณ 3 นาที จากนั้น ละสายตา แล้ววาดสิ่งที่เห็นบนกระดาษ เมื่อเสร็จตรวจดูว่ามีสิ่งใดตกหล่นไปหรือไม่ ฝึกสม่ำเสมอจะช่วยพัฒนาความจำระยะสั้น บริหารสมอง และเสริมประสิทธิภาพความจำด้านสายตา
วิธีต่อมา รับประทานอาหารอุดมวิตามินซีอี และเบต้าแคโรทีน โดยเฉพาะส้ม องุ่น เบอร์รี ผักสีเขียว ช่วยปกป้องเนื้อเยื่อสมองจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เซลล์สมองเสื่อม ทั้งนี้ ผลวิจัยในต่างประเทศพบว่า ผู้บริโภควิตามินซีสูง มีผลการทดสอบด้านสมาธิ ความจำ และการคำนวณดีที่สุด
ตามด้วย การทำกิจกรรมท้าทายความคิด เมื่ออายุเริ่มเข้าเลขสาม สมองจะเริ่มทำงานช้าลง ดังนั้น ควรหางานอดิเรกยามว่างที่สนุกสนานทำ เช่น เต้นแทงโก้ เรียนภาษาใหม่ ต่อจิ๊กซอว์ เกมส์ปริศนาอักษรไขว้ เล่นปิงปอง เป็นต้น ช่วยพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของสมอง และความจำได้ดี
สุดท้าย นอนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง เซลล์ประสาทจะสื่อสารกันได้มากขึ้น ส่งผลต่อการเรียนรู้ และความจำ.

วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555

รู้หรือไม่!! อาหารล้างพิษ อันดับ 1 คืออะไร?




คนใส่ใจสุขภาพพลาดไม่ได้กับการล้างพิษด้วยอาหารในชีวิตประจำวันอย่างง่ายๆ มาลองดูกันว่า สิ่งที่เราบริโภคแต่ละวัน มีตัวไหนล้างพิษได้อย่างเยี่ยมยอดบ้าง
อันดับ 10 ส้มโอหรือเกรปฟรุต มีสารเพกติน ลดระดับคอเรสเตอรอลและต้านการเกิดมะเร็ง อันดับ 9 กระเทียม ลดความดันและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย อันดับ 8 บลูเบอรี่ มีสารแอสไพรินลดแบคทีเรียในกระเพาะปัสสาวะ อันดับ 7 พีชตระกูลกระหล่ำ ช่วยกำจัดของเสียจากสิ่งแวดล้อม อันดับ 6 บีทรูต ทำความสะอาด เลือด ตับและระบบน้ำเหลือง อันดับ 5 อะโวคาโด มีสารกลูตาไทโอน(Glutathione ) ช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันหลอดเลือดอุดตัน อันดับ 4 ตำลึง ช่วยผลิตน้ำดีที่จะทำให้ลำไส้ขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดีขึ้น
อันดับ 3 แอปเปิ้ล ช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็ง ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส อันดับ 2 อัลมอนต์ ช่วยคุมระดับน้ำตาลในเลือด และอันดับ 1 กล้วย บำรุงและสร้างความแข็งแรงให้กับกระเพาะอาหาร

แม่น้ำสีแดง




ดูกันชัดๆ ภาพแม่น้ำกลายเป็นสีแดง...ผู้คนคิดไปต่างๆ นานา บางคนก็บอกว่าน่าจะเกี่ยวกับวันสิ้นโลก?
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าหลังจากแม่น้ำแยงซี ที่ไหลผ่านเมืองฉงชิ่ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ได้กลายเป็นสีแดง เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยเป็นทางน้ำที่ไหลบรรจบพบกับแม่น้ำเจียลิน ขณะที่ผู้คนต่างบอกว่ารู้สึกตะลึงเมื่อเก็บตัวอย่างของน้ำจากแม่น้ำดังกล่าวในขวด ซึ่งเป็นสีแดง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทางการกำลังสอบสวนสาเหตุของสถานการณ์ดังกล่าว
เหตุการณ์นี้คล้ายๆ กับแม่น้ำเจียน ในเมืองหลิวหยาง ในมณฑลเฮอหนาน ทางตอนเหนือของจีน ซึ่งกลายเป็นสีแดงจากการได้รับมลพิษจากสีย้อมผ้าที่่รุนแรง...แต่เหตุการณ์ครั้งนี้สื่ออย่างเดลี่ เมล์ บอกว่าคล้ายกับเนื้อหาในพระคัมภีร์ไบเบิลบท 16 ที่ระบุถึงสัญญาณของวันสิ้นโลก ว่า เทวดาจะโยนบาปลงสู่แม่น้ำต่าง ๆ และทำให้แม่น้ำกลายเป็นสีเลือด…จริงหรือไม่ น่ากลัวอ่ะ

เก็บเงินไว้ไปศัลยกรรมที่เกาหลี ไปกรีดตาให้ตี่ ไปทำเมโสหน้าใส จะฉีดผิว ให้ขาว ให้เด้งให้โดนใจ จะทำให้เธอละล๊าย ละลายต่อหน้าฉัน จะเก็บเงินไว้ไปสักคิ้วดึงหน้าไปฉีดคาง ไปกดสิว ไปเหลากราม จะครองใจเธอให้ได้ จะวันนี้ พรุ่งนี้ หรือวันต่อต่อไป จำไว้จะเป็นซุปตาร์ในใจเธอ

วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

คุกมีไว้ขังสุนัขกับคนจน




ทันทีที่เกิดเหตุวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทของเฉลิม อยู่วิทยาเจ้าของเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดังอย่าง กระทิงแดง ขับรถเฟอร์รารี่ชนตำรวจจนเสียชีวิต เกิดเป็นกระแสรุนแรงทวงถามถึงความยุติธรรมในสังคมไทย สังคมที่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คุกมีไว้ขังสุนัขกับคนจน

มีหลายกรณีในสังคมไทยที่เคยเกิดขึ้น และทำให้ประชาชนรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมที่แทรกซึมไปในทุกส่วนของกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขั้นตอนในชั้นศาล จนถึงการออกกฎหมาย

ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ สรรพเสียงของการทวงถามหาความยุติธรรมของสังคมจะดังขึ้นแทบในทันที สะท้อนให้เห็นว่า กระบวนการยุติธรรมไม่ได้มีกลไกที่ทำให้ประชาชนรู้สึกถึงความเป็นธรรมที่เกิดขึ้นในสังคมอย่างแท้จริง

คำว่า รอลงอาญา เยาวชน ทัณฑ์บน อนุญาตให้ประกันตัว ให้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม กลายเป็นคำกล่าวอ้างที่จุดชนวนความไม่พอใจให้กับสังคม จนกลายเป็นความเหลื่อมล้ำที่ส่งคนจนเข้าไปนอนคุก และทำให้ลืมเลือนไปแล้วว่า คนรวยคนสุดท้ายที่ติดคุกคือใคร?

กรณีไม่เป็นธรรมทางความรู้สึกของประชาชน

ปรากฏการณ์กระแสทวงถามถึงความเป็นธรรมจากกรณีที่คนรวยหรือคนที่มีชื่อเสียงสามารถรอดพ้นจากความผิด เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และแทบจะทันทีที่เกิดเหตุการณ์ หลายกรณีแฝงฝังอยู่ในบทเรียนทางด้านความไม่เท่าเทียมในสังคมไทยที่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

ต่อไปนี้คือบางกรณีที่ทำให้สังคมเกิดข้อกังขาต่อความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น

เมธัส สวนศรี หรือที่รู้จักกันในชื่อเก่ง เมธัสซึ่งมีประวัติเป็นที่โจษขานถึงการกระทำผิดและรอดพ้นมาโดยตลอดตั้งแต่อายุ 17 ปีที่ก่อเหตุกักขังหน่วงเหนียวและบังคับขืนใจนางเอกวัยรุ่นชื่อดัง คดีใช้อาวุธปืนพยายามฆ่านักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิต คดีร่วมกับเพื่อนทำร้ายบุตรชายเจ้าของร้านจิวเวลรีย่านวังบูรพา ทำร้ายร่างกายเจ้าของร้านเพชรในผับ คดีพลากผู้เยาว์ตั้งแต่พ.ศ. 2548 ที่ศาลตัดสินจำคุกไม่รอลงอาญาเพราะเคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันมาแล้ว แต่ถึงตอนนี้ก็ยังอยู่ในขั้นตอนอุทธรณ์สู้คดี และล่าสุดกับคดีแหกด้านตำรวจเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาซึ่งจบลงด้วยการประกันตัว

แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา หรือที่สังคมตั้งฉายาให้เธออย่างรุนแรงว่า แพรวา 9 ศพ สิ่งที่เกิดขึ้นคือเธอเป็นเยาวชนอายุยังไม่ถึง 18 ปีที่ขับรถเร็วจนเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถตู้จนมีผู้เสียชีวิตถึง 9 คน สิ่งที่ทำให้อุณหภูมิสังคมถึงขั้นเดือดพล่านคงหนีไม่พ้นภาพถ่ายเธอยืนเล่นบีบีอยู่ริมถนน

ด้วยท่าทีเหมือนไม่รู้สึกผิดที่สังคมได้รับรู้ แม้หลังจากเหตุการณ์ผ่านพ้นไปแล้ว ยาวนานจากความโศกเศร้าของผู้เสียหาย และขั้นตอนในชั้นศาลข้ามปี สังคมยังไม่ลืมเลือนความผิดที่เธอยังไม่เคยออกมายอมรับ

บอกได้ว่ากรณีที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้ประนีประนอมต่อความรู้สึกของสังคมเลยแม้แต่น้อย

ดาราหลายคนเมาแล้วขับแต่หลังจากฟื้นตัวได้ก็สามารถกลับคืนสู่สังคมในฐานะบุคคลตัวอย่างที่กลับเนื้อกลับใจ กรณีเหล่านั้นหลายคนก็แสดงความรู้สึกผิดจนสังคมก็ให้อภัยแล้ว เพราะท้ายที่สุดของลงโทษจากสังคม คงไม่ใช่การขับผู้ผิดไม่ให้มีที่ยืน สังคมอาจเพียงต้องการการยอมรับผิดอย่างบริสุทธิ์ใจเท่านั้น

กรณีล่าสุดคือกรณีของ วรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดงที่ขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ และลากร่างนั้นไปไกลก่อนจะหนีเข้าไปในบ้าน และส่งพ่อบ้านมามอบตัวเป็นแพะ จนถึงตอนนี้จะถูกจับกุมและตั้งข้อหาถึง 3 กระทงด้วยกัน 1.ขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต 2. หลบหนีไม่แจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงาน 3. ไม่หยุดให้ความช่วยเหลือ

กรณีเหล่านี้เมื่อเทียบกับ 2 กรณีคล้ายกันของ สุรัตน์ มณีนพรัตน์สุดาอาชีพเก็บขยะขาย กับนันทนา น้อยบุญมา อาชีพเย็บผ้าที่ต้องตกเป็นจำเลยของคดีเดียวกันคือ ประกอบกิจการ แลกเปลี่ยน หรือจำนำภาพยนตร์ จำพวกแผ่นวีซีดีภาพยนตร์ โดยทั้ง 2 เก็บซีดีมาขายเป็นรายได้เสริมที่ไม่มากนัก แต่กลับโดนโทษปรับสูงถึงหลักแสน ร้อนให้บุคคลอื่นหยิบยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวให้

ปัญหามีตั้งแต่การเลือกปฏิบัติของเจ้าพนักงาน กลไกการทำงานของศาลที่ต้องตัดสินตามตัวบทกฎหมายดูเหมือนจะไม่เป็นธรรมต่อความผิดที่เล็กน้อย แต่กลับตั้งค่าปรับไว้สูงถึงหลักแสน

เหตุผลที่ทำให้ตาชั่ง (ทางความรู้สึก) โน้มเอียง

ความยุติธรรมเกิดขึ้นอย่างมีเงื่อนไขเสมอ ไม่ว่าโดยสังคมหรือใครคนใดคนหนึ่ง ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คือการกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดเดินมาสู่ความล้มเหลวอย่างถึงขีดสุด ไม่ว่าจะเป็นในชั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ และศาล

ทั้งนี้ในส่วนของตัวบทกฎหมายเองในมุมมองของนักวิชาการด้านกฎหมายอย่าง ดร. บรรเจิด สิงหเนติ คณบดีคณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริการศาสตร์ (นิด้า) เห็นว่าข้อกฎหมายนั้นไม่มีปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่การบังคับใช้ เพราะกฎหมายได้เปิดช่องเอาไว้ ทำให้การบังคับใช้หลายครั้งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล

“ผมมองไปในส่วนของผู้บังคับใช้กฎหมาย ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใต้การโยกย้ายของฝ่ายการเมือง อัยการที่บางคนมีชื่อในบอร์ดบริหารของบริษัทต่างๆ จนเกิดเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนทำให้ไม่มีการสั่งฟ้อง”

ช่องทางในทางกฎหมายมีดุลยพินิจที่เปิดช่องให้ ถ้ามีการปรับเป็นตัวเงินก็สามารถให้คนค้ำประกันได้ มันอยู่ที่ดุลยพินิจ ซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการให้ดุลยพินิจกับศาลไว้ค่อนข้างมาก ก็อาจส่งผลให้บางกรณีกลายเป็นช่องว่างทางกฎหมายที่เอื้อให้เกิดคำตัดสินที่ไม่ยุติธรรมได้

“บางกรณีมีตำแหน่งหน้าที่สูง ประกอบภาระหน้าที่การงานที่ดีต่อสังคม ก็ให้รอลงอาญา มันเป็นดุลยพินิจของศาลในการพิจารณา มันไปได้สองทาง คนที่ไม่มีโอกาสติดคุก คนที่มีอำนาจทั้งหลาย ศาลไม่ใช่ประเด็น มันเป็นปัญหาทั้งหมดของระบบ”

ทางแก้ไขในความคิดเห็นของเขาคือการแยกตำรวจออกมาจากภาคการเมือง ตั้งกรรมการท้องถิ่นที่มาจากประชาชนเพื่อให้ผลของการทำงานสัมพันธ์กับการโยกย้ายตำแหน่งหน้าที่ ซึ่งแนวคิดนี้สอดคล้องกับความคิดของ ปนัดดา ชำนาญสุข ภาควิชาจิตวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเธอเห็นว่าความไม่ยุติธรรมที่ประชาชนเจอนั้น ก็ไม่ต่างจากความไม่ยุติธรรมที่พนักงานตำรวจต้องเจอเช่นกัน

“นอกจากประชาชนได้รับความไม่ยุติธรรมแล้ว จริงๆ ตำรวจก็เจอกับความไม่ยุติธรรมด้วย ไม่มีระบบคุณธรรมอยู่ในวัฒนธรรมการทำงานของตำรวจ เพราะการทำงานแยกขาดการเจริญทางหน้าที่การงาน ตอนนี้ใครมีเงิน วิ่งเต้นได้ตำแหน่งก็มีความเจริญทางหน้าที่การงาน ขณะที่คนที่ทำงานนั้น ทำเอามัน ทำเพื่ออุดมการณ์ ไม่ได้ทำแล้วมีความเจริญทางหน้าที่การงาน”

โดยรายละเอียดของไม่ยุติธรรมที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายตั้งแต่ชั้นแรกต้องพบเจอนั้น เกิดจากวัฒนธรรมของระบบอุปถัมภ์ และผลประโยชน์ทางธุรกิจทับซ้อน ซึ่งมีอำนาจของฝ่ายการเมืองคอยโยกย้ายบงการอยู่เบื้องหลัง ทำให้ตำรวจต้องเดินไปตามกลไกอำนาจนั้นอย่างยากจะขัดขืน

“วัฒนธรรมในการเอื้อประโยชน์ให้กันแบบนั้นมันแข็งแรงขึ้นจนเป็นความจริงของสังคมที่ตำรวจต้องวิ่งเข้าหานายทุนนักธุรกิจที่มีบารมี มีอำนาจต่อพรรคการเมือง อย่างน้อยเพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกกลั่นแกล้งโยกย้าย ดังนั้นจะโทษตำรวจอย่างเดียวไม่ได้ มันเกิดจากระบบที่มีปัญหา”

ระบบที่เป็นปัญหานั้นคือการผูกโยงคานอำนาจที่การโยกย้ายตำรวจอยู่ในมือของนักการเมือง

“ลดการแทรกแซงกับกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น ถ้ายังผูกโยงกระบวนการยุติธรรมไว้กับระบบการเมืองไทยที่ยังไร้คุณภาพอย่างในปัจจุบันนี้ กระบวนการยุติธรรมก็จะบิดเบี้ยวทั้งระบบ ไม่ใช่แค่ตำรวจอย่างเดียว เพราะตำรวจอย่างเดียวทำไม่ได้ จะถูกคานโดยอัยการและศาล ฉะนั้นตอนนี้มันบิดเบี้ยวทั้งระบบ”

หนทางหนึ่งในการทวงถามความยุติธรรมเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เธอมองว่าจะต้องมีการรวมกลุ่มกันเพื่อเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงระบบกระบวนการยุติธรรม เสียงของสังคมที่ร้องหาความยุติธรรมในแต่ละกรณีที่เกิดขึ้นนั้น เธอมองว่าไม่มีผลต่อการพิจารณาคดีความใดๆ เป็นเพียงกระแสชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น เพราะไม่มีการรวมกลุ่มของคนที่เรียกร้องตรงนี้อย่างชัดเจน คนที่เป็นต้นเหตุของความไม่ยุติธรรมก็ทนทานต่อไป ความไม่ยุติธรรมการยังดำรงอยู่

“สื่อสามารถนำเสนอได้แค่บางช่วง เวลาผ่านไปคนก็ลืมเอง ระบบยังดำรงอยู่ มันต้องแก้ที่โครงสร้าง วัฒนธรรม ต้องดึงเอาตัวระบบ ต้องเรียกร้อง เอ็นจีโอ ภาคส่วนต่างๆ ต้องเรียกร้องกัน กระบวนการยุติธรรมมันล้มเหลวจนใกล้จะถึงขีดสุดแล้ว ถ้าปล่อยไว้สังคมไทยก็จะก้าวไปสู้ความเหลื่อมล้ำที่มากขึ้นเรื่อยๆ”

….

เมื่อความเหลื่อมล้ำถูกถ่างให้กว้างขึ้น กระบวนการยุติธรรมถูกบิดเบี้ยวจนไม่เหลือเค้าเดิมของความเที่ยงตรง เสียงวิพากษ์และความไม่พอใจของสังคมก็ยังคงมีต่อไป การลงโทษที่ถูกต้องตรงตามตัวบทกฎหมายอาจเป็นหนทางที่ถูกต้องตามตัวหนังสือ แต่กับสังคมที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของการถูกเอาเปรียบและความไม่เท่าเทียม คำพูดที่ผุดขึ้นมาบ่อยครั้งว่า คุกมีไว้ขังหมากับคนจน จึงยังคงเป็นสัจธรรมที่น้อยครั้งจะไม่เป็นจริง


ที่มา: http://www.lhungmor.com/index.php?topic=587.msg755#msg755

มรดก คนสกล


ที่มา:http://www.facebook.com/photo.php?fbid=409025722494124&set=a.128438163886216.21437.100001600983916&type=1&theater

คนนี้ใช่เลย


ที่มา:http://www.facebook.com/photo.php?fbid=440170139354918&set=a.376687165703216.82849.376592129046053&type=1&theater

วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อย่าพลาด! ชม บลูมูน ดวงจันทร์เต็มดวง 31 ส.ค.นี้



สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ชวนชม ปรากฏการณ์ดวงจันทร์เต็มดวง “บลูมูน” 31 ส.ค.นี้ เผย 2.72 ปีมี 1 ครั้ง เวลาประมาณ 18.18 น. 
ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม 2555 จะเกิดปรากฏการณ์ “บลูมูล” (Blue Moon) หรือ ดวงจันทร์จะเต็มดวงรอบที่สองในเดือนเดียวกัน ซึ่ง ปกติแล้วปรากฏการณ์ดวงจันทร์เต็มดวง จะเรียกว่า ฟลูมูน (Full Moon) เกิดขึ้นเพียงเดือนละ 1 ครั้งเท่านั้น แต่หากเดือนไหนที่มีดวงจันทร์เต็มดวง 2 ครั้ง จะเรียกครั้งที่สองว่า “บลูมูน” ซึ่งในภาษาอังกฤษมีสำนวนว่า “Once in a blue moon” หมายถึง นาน ๆ จะเห็นสักครั้ง หรือเปรียบได้กับคำว่า “Rarely” ในภาษาอังกฤษ 
ทั้ง นี้ ปรากฏการณ์บลูมูน ในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ เราจะได้เห็นดวงจันทร์เต็มดวงทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ในเวลาประมาณ 18.18 น. โดยจะเต็มดวงอย่างสมบูรณ์ เวลาประมาณ 20.57 น. และตกทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ในเช้าของวันที่ 1 กันยายน 2555 เวลาประมาณ 05.37 น. 
สำหรับ ปรากฏการณ์บลูมูน เกิดขึ้นเนื่องจากใน 1 ปี มี 12 เดือน บางเดือนมี 30 วัน บางเดือนมี 31 วัน แต่ว่ารอบของดวงจันทร์มีเพียง 29.53059 วันต่อเดือน และใน 1 ศตวรรษ จะมีทั้งหมด 1,200 เดือน โดยจะเกิดดวงจันทร์เต็มดวงได้ถึง 1236.83 ครั้ง แต่จะเป็นบลูมูนแค่ 36.83 ครั้ง เฉลี่ยแล้วประมาณ 2.72 ปีต่อครั้ง หรือประมาณ 3% ของฟูลมูน จะเป็นบลูมูน แต่ที่พิเศษกว่านั้น คือ จะมีการเกิดบลูมูน ปีละ 2 ครั้ง ในทุก ๆ 19 ปี ซึ่งปีล่าสุดที่เกิดบลูมูน 2 ครั้งซ้อนในหนึ่งปี (Double Blue Moons) ก็คือปี พ.ศ. 2542 และจะเกิดครั้งต่อไปในปี พ.ศ. 2561


ที่มา:http://www.upyim.com/%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94-%E0%B8%8A%E0%B8%A1-%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%99-%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%87%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87-31-%E0%B8%AA-%E0%B8%84-%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89/

แอปเปิลขอคำสั่งศาล แบนโทรศัพท์ซัมซุงในสหรัฐฯ




เมื่อ วันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า แอปเปิลกำลังขอคำสั่งศาล แบนโทรศัพท์ซัมซุง โดยขอให้มีการห้ามจำหน่ายโทรศัพท์ซัมซุง 8 รุ่น หลังจากแอปเปิลชนะคดีซัมซุงละเมิดสิทธิบัตร
รายงานระบุว่า แอปเปิล ยักษ์ใหญ่ด้านไอทีสัญชาติอเมริกัน กำลังขอคำสั่งศาล ให้ห้ามจำหน่ายโทรศัพท์ซัมซุง 8 รุ่นในสหรัฐฯ โดยโทรศัพท์ทั้ง 8 รุ่น ได้แก่ Galaxy S 4G, Galaxy S2 AT&T model, Galaxy S2 Skyrocket, Galaxy S2 T-Mobile model, Galaxy S2 Epic 4G, Galaxy S Showcase, Droid Charge และ Galaxy Prevail
ทั้งนี้ การขอคำสั่งศาลให้ห้ามจำหน่ายโทรศัพท์ซัมซุงในสหรัฐฯ นั้น มีสาเหตุสืบเนื่องมาจากการฟ้องร้องคดีละเมิดสิทธิบัตรกันก่อนหน้านี้ โดยแอปเปิลระบุว่า ซัมซุงได้เลียนแบบการออกแบบ เลียนแบบระบบยูสเซอร์ อินเทอร์เฟซ ในซัมซุงแกแล็กซี่ รวมทั้งอีกหลายระบบที่เห็นได้ว่าซัมซุงออกแบบให้คล้ายกับแอปเปิลมาก ขณะ ที่ทางซัมซุงนั้น ก็ได้ยื่นเรื่องต่อศาล ขอให้เพิกถอนคำสั่งห้ามขายแท็บเล็ต Galaxy Tab 10.1 หลังจากลูกขุนพิจารณาว่า ซัมซุงไม่ได้ละเมิดสิทธิบัตรด้านการออกแบบแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี แม้ว่าตอนนี้การฟ้องร้องของแอปเปิลทั้งหมดจะยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนิน การ และยังไม่มีการสั่งห้ามขายโทรศัพท์ซัมซุงสมาร์ทโฟนในสหรัฐฯ จนกว่าจะมีการประกาศคำตัดสินในวันที่ 20 กันยายนนี้ แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่า แอปเปิลมีแนวโน้มชนะคดีถึง 2 ใน 3 และถ้าหากแอปเปิลชนะตามคาด ก็จะสามารถเบรกซัมซุงไม่ให้มาแย่งตลาดในสหรัฐฯ ที่ได้ชื่อว่าเป็นตลาดโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้


ที่มา :http://www.upyim.com/%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A5-%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B8%8B%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%8B%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%AF/

วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

"ก้าวเล็กๆ ของมนุษย์คนหนึ่ง คือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ" (That′s one small step for man, one giant leap for mankind)





        คนทั่วโลกร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปของ นีล อาร์มสตรอง ชายคนแรกที่ได้เหยียบดวงจันทร์ ขณะที่ประธานาธิบดีบารัก โอบามา แห่งสหรัฐฯ ยกย่องให้เป็นสุดยอดวีรบุรุษของสหรัฐฯ
เอพีรายงานว่า เมื่อ 26 สิงหาคม ครอบครัวนายนีล อาร์มสตรอง มนุษย์คนแรกผู้เหยียบดวงจันทร์ แจ้งจากเมืองซินซินเนติ สหรัฐอเมริกา ว่า นีล อาร์มสตรอง เสียชีวิตแล้วขณะอายุ 82 ปี หลังจากมีอาการป่วยอันเป็นโรคแทรกซ้อนมาจากระบบหลอดเลือดหัวใจที่เพิ่งเข้่ารับการผ่าตัดเมื่อต้นเดือนนี้
  คำไว้อาลัยจากสมาชิกทีม อพอลโล 11 นายบัซซ์ แอลดริน กล่าวว่า รู้สึกโชคดีที่ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกที่ได้ร่วมสำรวจดวงจันทร์ และเสียใจที่อาร์มสตรองจะไม่สามารถฉลอง ครบรอบ 50 ปี การเดินทางไปดวงจันทร์ในปี 2019 ร่วมกับพวกเขาได้ เขาคิดว่าทั่วทั้งจักรวาลต่างเศร้าโศกเสียใจหลังทราบข่าวการจากไปของอาร์มสตรองเช่นกัน ขณะที่นายไมเคิล คอลลินส์ สมาชิกอีกคนของอพอลโล่ 11 กล่าวว่า อาร์มสตรอง เป็นที่สุด และคงคิดถึงอาร์มสตรองเป็นอย่างมาก 
ขณะเดียวกันประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐฯ กล่าวสดุดีว่าอาร์มสตรอง คือ สุดยอดวีรบุรุษของสหรัฐฯ และ ลูกทีมอพอลโลสร้างแรงบันดาลใจให้กับชาวอเมริกัน เพราะพวกเขาได้แสดงให้โลกเห็นถึงความสำเร็จที่ทุกคนไม่คิดว่าจะเป็นไปได้
ขณะที่นายมิตต์ รอมนีย์ คู่แข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ร่วมสดุดีให้นายอาร์มสตรอง เป็นวีรบุรุษ เนื่องด้วยความกล้าหาญ และความรักชาติอย่างไม่มีเงื่อนไข ทำให้เขากลายเป็นชายที่ได้เดินไปในที่ที่ไม่มีใครเคยเดินมาก่อน 
ส่วนที่พิพิธภัณฑ์อวกาศของสมิธโซเนี่ยน ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ที่จัดแสดงชิ้นส่วนของยานอพอลโล 11 วันนี้ มีบรรดานักท่องเที่ยวต่างร่วมรำลึกถึงอาร์มสตรอง โดยนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง กล่าวว่าพวกเราทุกคนให้ความเคารพเขาในฐานะผู้บุกเบิก ขณะที่หลายๆคนย้อนกลับไปนึกถึงเมื่อ 43 ปีที่แล้ว ที่ร่วมดูความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ของอาร์มสตรองผ่านทางโทรทัศน์

อาร์มสตรองเป็นผู้บัญชาการยานอวกาศอพอลโล 11 ซึ่งลงจอดยังดวงจันทร์ในวันที่ 20 กรกฎาคม2512 โดยส่งสัญญาณวิทยุกลับมายังโลกถึงข่าว "ก้าวเล็กๆ ของมนุษย์คนหนึ่ง คือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ" (That′s one small step for man, one giant leap for mankind) ขณะที่ลงไปเดินบนพื้นผิวดวงจันทร์พร้อมกับเอดวิน บัซซ์ อัลดริน นักบินอวกาศร่วมชาติ  เป็นเวลา 3 ชั่วโมง เพื่อเก็บตัวอย่าง ทำการทดลองต่างๆ และถ่ายรูป

ปฎิบัติการของนักบินอวกาศยานอพอลโล11ถือเป็นภารกิจที่กู้หน้าให้สหรัฐในช่วงสงครามเย็นที่กำลังแข่งขันกับสหภาพโซเวียตโดยในปี 2500 โซเวียตส่งดาวเทียมสปุตนิกขึ้นไปในอวกาศได้ก่อน

จากนั้นสหรัฐส่งมนุษย์ลงไปเหยียบดวงจันทร์ได้ในปี 2512 และจากนั้นถึงปี 2515 มีนักบินอวกาศอเมริกันลงไปเดินบนดวงจันทร์ รวม 12 คน





คำตอบสุดท้าย ถูกที่สุด ! !


วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ตะลึง!! พบรอยเท้าไดโนเสาร์ 110 ล้านปี ในสวนหลัง “นาซ่า”


แปลกไหมเมื่อสำนักงานของนักวิทยาศาสตร์อวกาศ เจอ “รอยเท้าไดโนเสาร์”ยุคดึกดำบรรพ์ ประทับอยู่?
ทั้งนี้จากการเปิดเผยของ “เรย์ สแตนฟอร์ด” นักล่าไดโนเสาร์ได้ค้นพบรอยเท้าของ “นอโดซอร์” ไดโนเสาร์ที่มีรูปร่างเหมือนขอนไม้เต็มไปด้วยหนามในสวนหลังศูนย์การบินอวกาศ ก็อดดาร์ด ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐ (นาซา) “ไลฟ์ไซน์” ระบุอีกว่า “รอยเท้าดังกล่าวแสดงร่องรอยนิ้วเท้า 4 นิ้วที่เป็นของนอโดซอร์ ซึ่งเคยอาศัยอยู่บนโลกเมื่อประมาณ 110 ล้านปีที่แล้ว ในยุคครีเตเชียส”
ทั้งนี้ นอโดซอร์เป็นไดโนเสาร์กินพืช และจากการแสดงร่องรอยที่พบนี้แสดงถึงการเคลื่อนย้ายอย่างฉับพลันไปบนโคลนของ ยุคครีเตเชียส...โอ้วแถวสวน “นาซา” เมื่อร้อยกว่าล้านปีก่อนคงเป็นบึงโคลนตมขนาดใหญ่ หรือเปล่า?

ที่มา : http://www.yengo.com/th/news/txt/?id=12924&da_id=113831

วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เสนอร่างกฎหมาย ห้ามขายเหล้าปั่นทุกพื้นที่






เสนอ ร่างกฎหมาย อีก 4 ฉบับ ห้ามขายเหล้าปั่นทุกพื้นที่ และห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ริมทางเท้า ย้ำประกาศเวลาขายชัดเจน ทั้งมีใบอนุญาต และไม่มีใบอนุญาต เอาผิดเหมือนกันหมด
วานนี้ (20 สิงหาคม) นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการบังคับใช้ประกาศ พ.ร.บ ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 เรื่องการห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทางสาธารณะขณะขับขี่ หรือขณะโดยสารอยู่ในรถ หรือบนรถทุกประเภท ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม เป็นต้นมา หากใครฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน และปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ จาก พ.ร.บ.ดังกล่าว ทางสำนักงานฯ ได้เตรียมเสนอร่างประกาศอีก 4 ฉบับ เพื่อเสนอคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในการประชุมเดือนกันยายนนี้ ดังนี้
1. ร่างประกาศห้ามขายเหล้าปั่นทุกพื้นที่
2. ร่างประกาศห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริเวณรอบสถานศึกษา 300 เมตร
3. ร่างประกาศกำหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท รวมทั้งร้านที่มีใบอนุญาตและไม่มีใบอนุญาต
4. ร่างประกาศห้ามขายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทางสาธารณะเพื่อการจราจรทางบก ได้แก่ ถนนสาธารณะ ไหล่ทาง ทางเท้า
นพ.สมาน กล่าวต่อว่า สำหรับร่างประกาศทั้ง 4 ฉบับ ทางคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เคยตีกลับ เพื่อให้ไปสำรวจความคิดเห็นประชาชนก่อน โดยล่าสุดตนได้รวบรวมผลสำรวจ และพบว่าร้อยละ 80 ในกลุ่มประชาชน 5,000 ตัวอย่าง เห็นด้วยกับร่างนี้
ผอ.สำนักงานควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวต่อว่า ส่วนร่างประกาศกำหนดเวลาห้ามขายสุรา ซึ่ง ปัจจุบันได้ใช้กฎหมายตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับ 2553 กำหนดให้ผู้ได้รับอนุญาตขายสุราได้ 2 ช่วง คือ 11.00 – 14.00 น. และ 17.00 – 24.00 น. หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ ไม่สามารถเอาผิดกับพวกขายเหล้าเถื่อนได้ จะเอาผิดได้เฉพาะไม่มีใบอนุญาตขายเท่านั้น โดยมีโทษปรับสำหรับสุราไทย 500 บาท  และสุราต่างประเทศ 2,000 บาท


ที่มา: http://www.upyim.com

กฟผ.โหดเตรียมขึ้นค่าไฟ60สต

กฟผ. เตรียมโขกขึ้นค่าไฟงวดปลายปี ก.ย.-ธ.ค.55 พรวดเดียว 60 สต.ต่อหน่วย อ้างราคาก๊าซฯสูงขึ้น 10% เงินบาทอ่อนค่า “เรกูเลเตอร์ “ ตีกลับ ระบุเป็นอัตราที่สูงเกินจริง เตรียมหามาตรการช่วยลดค่าเอฟที  
    แหล่งข่าวจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.เสนอค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ที่จะเรียกเก็บงวดปลายปี (ก.ย.-ธ.ค. 2555) อยู่ที่อัตรา 60 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งสูงกว่าค่าเอฟทีงวดปัจจุบัน (มิ.ย.-ส.ค.2555) ที่เรียกเก็บอยู่ 30 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือเรกูเลเตอร์ เห็นว่าเป็นอัตราที่สูงเกินไป จึงได้ให้ กฟผ.ไปดำเนินการพิจารณาค่าเอฟทีใหม่ให้ลดลง และนำกลับมาเสนอให้เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของเรกูเลเตอร์ช่วงต้นเดือน ก.ย.2555   ประกอบกับค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ยิ่งจะส่งผลให้ค่าเอฟทีปลายปีต้องปรับสูงขึ้นด้วย           
“ค่าเอฟทีที่ กฟผ.แบกรับภาระแทนประชาชน ช่วงเดือน ม.ค.-พ.ค.2555 และทำให้ค่าเอฟทีเป็น 0 นั้น คงต้องให้ กฟผ.แบกรับภาระ 1 หมื่นล้านบาทต่อไป และคงไม่สามารถคืนเงินดังกล่าวได้หมดภายในปี 2555 เนื่องจากค่าเอฟทีปลายปียังคงสูงอยู่” นายดิเรก กล่าว   
แหล่งข่าวจากเรกูเลเตอร์ กล่าวว่า ค่าเอฟทีในงวด ก.ย.-ธ.ค.2555 ต้องปรับเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่พยายามให้ปรับขึ้นน้อยที่สุด ซึ่งปัจจัยหลักมาจากราคาก๊าซฯ โลกย้อนหลัง 6 เดือนที่ผ่านมา ปรับสูงขึ้นถึง 10% อยู่ประมาณกว่า 300 เหรียญสหรัฐต่อตัน นอกจากนี้ อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอ่อนค่าลงใกล้กว่า 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐ 

วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

นาทีปะทะ โจรใต้ยิงถล่มทหารดับ 4 เจ็บ 2

วันนี้ (28 ก.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 06.15 น. เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่ม ทหารกองร้อยทหารราบที่ 15321 หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 25 ระหว่างรักษาความปลอดภัยให้ชาวบ้านขณะออกจับจ่ายซื้ออาหารเดือนรอมฎอนช่วงเช้า ทำให้ทหารเสียชีวิต 4 คือ ส.อ.ลือชัย จุลทอง , พลทหาร เอกรัฐ สีดองไม้ , พลทหาร ภาคิน หงษ์มาก , พลทหาร เบญจรงค์ ศรีแก้ว และ บาดเจ็บ 2 นาย คือ ส.อ.ปรีดา นพคุณ , พลทหาร อาคม ชูกล่อม บนถนนสาย 406 ในเขตเทศบาลมายอ-บ้านดูวา หมู่ที่ 3 อ.มายอ จ.ปัตตานี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน เข้าตรวจสอบและเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ

โดยก่อนเกิดเหตุทหารชุดนี้ซึ่งมีจำนวน 6 นาย ขี่รถจักรยานยนต์ 3 คัน ปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนเส้นทาง และกำลังจะเดินทางกลับฐานปฏิบัติการที่โรงเรียนบ้านกาวะ ในหมู่บ้านลุโบะยิไร เมื่อถึงที่เกิดเหตุคนร้ายมากกว่า 10 คน ใช้รถกระบะจำนวน 3 คัน ขับตามหลัง พร้อมกับกราดยิงใส่ และก่อนหลบหนีไป คนร้ายยังได้หยิบเอาปืนของเจ้าหน้าที่ไปจำนวน 4 กระบอกด้วย

ด้าน พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ขณะนี้หน่วย ฉก.25 เข้าควบคุมพื้นที่ รวมทั้งตั้งจุดตรวจจุดสกัด นำกำลังเสริม ปิดล้อมพื้นที่ใกล้เคัยง โดยทหารที่บาดเจ็บได้มีการยิงต่อสู้กับคนร้าย และคาดว่าคนร้ายน่าจะได้รับบาดเจ็บ ซึ่งภารกิจของทหารชุดนี้ ได้รับมอบหมายให้รักษาความปลอดภัยครู ลาดตระเวรเส้นทางบริเวณนั้น รวมทั้งดูแลความปลอดภัยในตลาดนั้น

ที่มา:http://news.sanook.com/1132867/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B0-%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A-4-%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%87%E0%B8%9A-2/

ชอบทำเป็นแอ๊บ แอ๊บ แอ๊บ ไม่ให้เธอรู้ตัว

เขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลกของจีน

ฮือฮา จีนเปิดแล้ว”เขื่อนสามผา”สุดทรงพลัง”ผลิตพลังงานได้เทียบเท่า”เตาปฎิกรณ์ 15 เครื่อง”
ที่มา มติชนออนไลน์
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ว่า จีนมีกำหนดเปิดเขื่อน”เขื่อนสามผา” หรือ Three Gorges Dam”ซึ่งถือเป็นเขื่อนทรงพลังด้านการผลิตพลังงานไฟฟ้า หรือเทียบเท่าเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์ 15 เครื่อง ในสัปดาห์นี้ โดยเขื่อนดังกล่าวถูกเปิดขึ้นในช่วงที่จีนกำลังมีกระแสน้ำมากที่สุดของช่วงปีนี้ และถือเป็นเขื่อนพลังงานน้ำใหญ่ที่สุดของโลก โดยถูกสร้างบนแม่น้ำแยงซี ในจังหวัดหูเบ่ย และผู้บริหารจัดการน้ำของบริษัทแยงซีกล่าวว่า เครื่องปั่นน้ำของ
เขื่อนสามผายังช่วยสร้างแหล่งพลังงานสะอาดจำนวนมหาศาลด้วย



รายงานระบุว่า เขื่อนสามผายังถูกสร้างเพื่อลดปัญหาน้ำท่วม ในช่วงที่ประเทศมีปริมาณน้ำฝนสูงที่สุดของปี รวมทั้งใช้เพื่อกักเก็บน้ำและกระจายส่งน้ำในช่วงหน้าแล้ง โดยสามารถเก็บน้ำได้อย่างน้อย 26,000 ลบ.เมตรต่อวินาที โดยปัญหาน้ำท่วมที่ผ่านมาถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่ท้าทายเขื่อนสามผาต้องเผชิญนับตั้งแต่ได้เริ่มกักเก็บน้ำ โดยเขื่อนแห่งนี้ ถูกสร้างเมื่อปี 2003 สามารถผลิตกำลังไฟฟ้าได้ 22.5 ล้านกิโลวัตต์ และส่งผลให้ชาวบ้านถูกไล่ที่ออกจากถิ่นฐานเป็นจำนวนกว่า 1.4 ล้านชีวิต และถูกโจมตีจากผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกว่าเป็นเชื่อนที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ราษฎร์มากที่สุดของโลก
ที่ผ่านมา จีนถือว่า เขื่อนเป็นสัญญลักษณ์ของการเป็นมหาอำนาจในเชิงวิศวกรรม และเป็นทางเลือกในการแก้ปัญหาน้ำท่วมจากแม่น้ำสายยาวที่สุดของประเทศ และเป็นแหล่งพึ่งพาไฟฟ้าที่ประเทศต้องการอย่างยิ่ง แต่เมื่อปีที่แล้ว ทางการจีนยอมรับว่า เขื่อนสามผ่ได้สร้างปัญหาอย่างมาก นับตั้งแต่การไล่ที่ประชาชนเรือนล้านคน การเก็บกักมลพิษที่ทำให้เกิดน้ำเสีย

ใช่ที่สุด ! !



วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ผลสำรวจ IQ เด็กไทยทั่วประเทศ 2554

ผลการสำรวจสถานการณ์ระดับสติปัญญาเด็กนักเรียนไทย ปี 2554
ตามที่ กรมสุขภาพจิต ดำเนินการสำรวจสถานการณ์ระดับสติปัญญาเด็กนักเรียนไทย โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 2.8 %


ผลการสำรวจพบว่า ค่าเฉลี่ยระดับสติปัญญาเด็กนักเรียนไทยในภาพระดับประเทศ เท่ากับ 98.59 (ค่าเฉลี่ย IQ ในเกณฑ์ปกติ 90 – 109) ซึ่งถือเป็นค่าระดับสติปัญญาที่อยู่ในเกณฑ์ปกติแต่ค่อนไปทางต่ำ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสถานการณ์ระดับสติปัญญาเด็กในประเทศเอเซียหลายๆประเทศ เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ จีน ญี่ปุ่น


จังหวัดที่เด็กนักเรียนไทยมี IQ อยู่ในเกณฑ์สูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ย มีจำนวนทั้งหมด 18 จังหวัดได้แก่ อันดับที่ 1.นนทบุรี 2.ระยอง 3.ลำปาง 4.กรุงเทพฯ 5.ชลบุรี 6.สมุทรสาคร 7.ตราด 8.ปทุมธานี 9.พะเยา 10.ประจวบคีรีขันธ์ 11.นครปฐม 12.ราชบุรี 13.สิงห์บุรี 14.ภูเก็ต 15.สมุทรสงคราม 16.นครสวรรค์ 17.แพร่ 18.เชียงใหม่


โดย10 จังหวัดสุดท้ายที่มี ปัญหาระดับ IQ เด็กนักเรียน ได้แก่ 67.มหาสารคาม 68.กำแพงเพชร69.หนองบัวลำภู 70.กระบี่ 71.กาฬสินธุ์ 72.สกลนคร 73.อุบลราชธานี 74.ร้อยเอ็ด 75.ปัตตานี 76.นราธิวาส
Credit: http://www.smartteen.net/iqeq/ranking.html , สถาบันพัฒนาคุณภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข




ที่มา:http://picpost.postjung.com/196910.html#pic1

ไว้ฟังเตือนใจ ^^

การวิจารณ์งานศิลปะตามทฤษฎีทางสุนทรีย์ศาสตร์ 4 หลัก

          by สมองบวม
วิจารณ์งาน “ภาพเขียน  คนกินมัน The Potato Eater ”          
การวิจารณ์งานภาพศิลปะผ่านทฤษฎีทางศิลปะ
ทฤษฎีการเลียนแบบ…………………………………กับภาพเขียนคนกินมัน The Potato Eater
ทฤษฎีรูปทรง………………………………………...กับภาพเขียนคนกินมัน The Potato Eater
ทฤษฎีการแสดงออกซึ่งความรู้สึก…………………กับภาพเขียนคนกินมัน The Potato Eater
ทฤษฎีคือความคิด……………………………………กับภาพเขียนคนกินมัน The Potato Eater
จากการแสวงหาคำตอบจากคำถามที่ว่า ศิลปะคืออะไร? หรือ อะไรคือศิลปะ? ได้นำมาซึ่ง
ทฤษฎีทางศิลปะอันต่างกัน คือ จากความเชื่อของศิลปินและนักสุนทรียศาสตร์บางกลุ่มที่เชื่อว่า
ศิลปะคือสิ่งแทนหรือจำลองแบบวัตถุ เหตุการณ์ หรือบุคคล แต่บางกลุ่มเชื่อว่า ความหมายของ
ศิลปะนั้นก็คือการจัดองค์ประกอบของศิลปะคือการแสดงออกซึ่งอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์เท่านั้นเอง
นอกจากนี้บางกลุ่มกลับเชื่อว่าศิลปะคือการแสดงออกซึ่งความคิด ที่นำมาซึ่งการกระตุกกระชากอารมณ์
ของผู้อื่นอย่างเฉียบพลัน ( ข้อความบางส่วนจากหนังสือสุนทรียศาสตร์ในทัศนศิลป์ของ  รศ.ดร.ศุภชัย สิงยบุศย์)
ภาพเขียน  คนกินมัน The Potato Eater ปี ค..1880
                       เป็นลักษณะการทำงานในยุคแรกของเขาคือ ยุค ( Dutch Period ) มีลักษณะแน่น สีหม่นหมองมีการแสดงออกไปในทางลัทธิเรียลลิสต์ มีแนวโน้มไปในทางมนุษยธรรม เห็นอกเห็นใจคนจน ต้องการสะท้อนภาพชีวิตที่ยากไร้ เป็นช่วงเริ่มต้นในวงการศิลปะอย่างเต็มตัวที่เมืองบอริเนจ เขาวาดภาพอย่างหนัก ภายใต้หมอกควันอันแสนสกปรกของเหมืองถ่านหิน ภายในกระท่อมอันผุพังของเหล่ากรรมกรผู้ยากไร้ สะท้อนภาพชีวิตที่ขัดสน ภาพ “คนกินมัน” ซึ่งเป็นผลงานชิ้นเยี่ยมชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นถึงอาหารของคนงานเหล่านั้น คือ มันฝรั่งต้มอาหารเช้า กลางวัน และเย็น ทุกวัน เดือน ปี แวนโก๊ะรับเอาอิทธิพลความสะเทือนใจต่อสภาพความเป็นอยู่ของคนกลุ่มนี้และแสดงออกของกลุ่มเรียลลิสต์ ซึ่งนิยมกันมากในยุคนั้น




...............................................................................การวิจารณ์ผ่านทฤษฎีการเลียนแบบ

            การแสดงออกของทฤษฎีการเลียนแบบที่มีต่อภาพนี้คือ ภาพชีวิตความเป็นอยู่ ของกรรมกรเหมือง การใช้ชีวิตแต่ละวันของการกินมันฝรั่งซ้ำแล้วซ้ำเหล่าทุกวัน ความจริงของคนเหล่านั้นที่แสนขัดสน ในงานใช้สีหม่นหมองทำให้ภาพอึดอัดเป็นอย่างมาก บรรยากาศโดยรวมในภาพบีบคั้นอารมณ์ความรู้สึกว่าชีวิตกรรมกรเหมืองเหล่านี้น่าสงสารเพียงใด ต้องจำนนต่อสภาพที่ตนเป็นอย่างหลีกหนีไม่ได้ต้องใช้ชีวิตด้วยการรอความหวังไปเรื่อยไม่จบสิ้น ทั้งอารมณ์ของตัวละครในรูปแสดงออกต่อกันด้วยความอาทร แววตาที่ยอมต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีข้อยกเว้นแก่คนกลุ่มนี้ ตะเกียงเพียงอันเดียว มีไฟพอที่จะให้รู้สึกถึงความหวังที่น้อยนิดเหลือเกิน บ้างก็อยากจะหลุดพ้น ภาระมากมายที่ผูกพันกับชีวิตพวกเขา แต่อีกมุมนึงกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ผู้คนเหล่านี้มีให้กัน มองได้จากสายตาของกรรมกรเหมืองพวกนี้ การแบ่งปัน ความไม่เรื่องมากมีเท่าไหร่ก็กินเท่านั้น
                การแสดงออกของการเลียนแบบหลักๆของรูปนี้เป็นการเน้นการลอกสีของบรรยากาศสภาพแวดล้อม สภาพความเป็นอยู่ของคนเหมือง การใช้พู่กันปาดป้ายไปโดยที่ไม่เกี่ยเนียนแสดงออกถึงความหยาบกระด้างของผิวหนัง

....................................................................................การวิจารณ์ผ่านทฤษฎีรูปทรง
           
รูปทรงในงานทัศนศิลป์คือ การผสานรวมตัวกันของ เส้น สี แสง เงา รูปร่าง รูปทรง และพื้นผิว
สำหรับรูปนี้เด่นในการใช้รูปทรงของสิ่งมีชีวิต คือ คน และรองลงมาเป็นรูปทรงของสิ่งไม่มีชีวิต คือ สิ่งของ
ตัวคนเองมีรูปร่างรูปทรงอิสระมากแต่การเน้นเส้น สี ให้ทึบและหนานี่เอง ทำให้ภาพนี้ตัวคนมีความหยาบของผิวหนัง ซ้ำสีของผิวหนังที่ปาดลงไปเป็น ทีแปรงหยาบๆ ยิ่งตอกย้ำให้รูปนี้ดูหยาบกร้านมากขึ้น
ส่วนมันฝรั่ง และ ข้าวของเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆไม่ว่าจะเป็น โต๊ะ ถ้วย จาน ถ้วยชา กาน้ำร้อนอื่นๆเขียนออกมาได้ไม่มีชีวิตจริงๆ
                เรื่องราวของทฤษฎีนี้เนื้อหาหาสำคัญไม่  การจะซาบซึ้งถึงทฤษฎีนี้ได้นั้นคือ อารมณ์ที่จะต้องเข้าไปสู่โลกอีกโลกนึง ต้องตัดขาดจากโลกภายนอก ดังคำกล่าวของ คลีพ เบลล์ คือ การซาบซึ้งศิลปะไม่จำเป็นต้องอาศัยสิ่งอื่นใดจากชีวิตเราไม่ต้องการความรู้ ความคิด หรือเรื่องราวของชีวิตและไม่มีความเกี่ยวข้องกับอารมณ์ของชีวิต ศิลปะได้พาเราจากโลกแห่งกิจกรรมของมนุษย์สู่โลกของสุนทรียอันสูงสุด

..............................................................การวิจารณ์ผ่านทฤษฎีการแสดงออกซึ่งความรู้สึก

            อารมณ์ความรู้สึกเป้าหมายในการแสดงออกของความรู้สึก การแสดงออกซึ่งความรู้สึกของศิลปิน ที่มีเป้าหมายแน่นอน คือ  การปลุกความรู้สึกแก่ผู้รับให้เกิดขึ้นเช่นเดียวกับศิลปิน
ศิลปินมีความรู้สึก แสดงความรู้สึกผ่านผลงานศิลปะ ผู้เสพเกิดความรู้สึกจากผลงานศิลปะเหมือนความรู้สึกที่มีในตัวศิลปิน(ตอลสตอย)
                สำหรับรูปนี้ศิลปินเองได้เลือกใช้โทนสี หม่นหมอง ให้กับสภาพแวดล้อมของงาน และใช้สีที่ด้านดิบให้แก่เสื้อผ้าและหน้าตาของตัวละครที่หยาบกร้านแห้งแล้ง มีแววตานิดหน่อยพอให้รู้สึกถึงความหวังที่ซ่อนลึกในจิตใจของกรรมกรเหมือง ทั้งหมดทั้งมวลนี้เองก็ได้ผสานกันก่อให้เกิดอารมณ์ ความรู้สึก สะเทือนใจต่อคนที่ดูงาน โดยอารมณ์เศร้าหมอง อึดอัด ความหวังที่ริบหรี่ ความยากจนยากไร้ การที่ต้องจำนนต่อสภาพการณ์ของตนเอง ความรู้สึกเหล่านี้ได้ถูกอัดแน่นอยู่ภายในงานนี้แล้วแต่ใครจะพรรณณาภาพนี้ไปได้อีก

.................................................................................การวิจารณ์ผ่านทฤษฎีคือความคิด

                ลักษณะของงานกลุ่มทฤษฎีนี้คือการกระแทก กระตุก กระชาก ขยี้ความรู้สึกของผู้รับรู้อย่างฉับพลันและปริมาณคุณค่าของงานดังกล่าวก็ขึ้นอยู่กับสัดส่วนในปริมาณการกระชากความรู้สึกคนดูที่คาดไม่ถึง
                ซึ่งไม่ใช่การแสดงออกซึ่งความรู้สึกธรรมดาอย่างทฤษฎีทั้งสามที่กล่าวมาข้างต้น เพราะการทำงานของกลุ่มนี้ไม่มีลักษณะรูปแบบศิลปะที่ชัดเจนตายตัวอย่างศิลปะทั่วไป หากแต่ศิลปินจะสามารถใช้ลักษณะรูปแบบที่หลากหลายรวมทั้งการผสมผสานข้ามผ่านสื่อศิลปะ และการพลิกผันสัดส่วนและขนาดอย่างคาดไม่ถึงซึ่งทั้งหมดทั้งสิ้นคือการใช้ความคิดอย่างเข้มข้นของศิลปิน และเมื่องานดังกล่าวปรากฏออกมา สิ่งที่สาธารณะชนจะพึงคาดหวังจากงานคือปรากฏการณ์ด้านความคิดที่ไม่คาดว่าจะมีโอกาสได้ประสบ
                และในผลงานชิ้นที่หยิบยกมานี้ไม่ได้มีความแปลกใหม่ทางด้านรูปแบบ วิธีการจัดการ เทคนิค จึงทำให้ภาพนี้ล้มเหลวในทฤษฎี

                อย่างไรก็ตามคำวิจารณ์และผลตอบรับของผู้ชื่นชมงานศิลปะก็มีความจำเป็นอย่างมากต่อวงการศิลปะเพราะช่วยสร้างความเข้าใจในงานให้แก่ผู้ชมนอกแวดวงมากขึ้นหรือกระทั่งศิลปินเองอาจจะคาดไม่ถึงต่อคำวิจารณ์ก็เป็นได้  ทั้งนี้ยังช่วยให้ศิลปินเองนำไปปรับปรุงแก้ไขในข้อคิดเห็นของนักวิจารณ์ ทั้งที่ดีและไม่ดี สุดท้ายผู้วิจารณ์เองก็ควรเปิดกว้างเรื่องทัศนคติ ไม่เอาความชอบส่วนตัวมาวิจารณ์ควรวิจารณ์อย่างเป็นกลางเสมอ


บทความนี้เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นของข้าพเจ้าเท่านั้นไม่มีเจตนาจะกล่าวหาบุคคลหรือกลุ่มงานใดๆถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย